หากจะถามว่าใคร...ที่โดนตัว อักษรผม ทำร้ายแล้วบอบช้ำที่สุด...คงหนีไม่พ้นน้องคนนี้...เธอมีชื่อว่า...เพลินฝัน...เธอคนนี้เป็นรุ่นน้องที่เคย ร่วมงานในตำแหน่งกราฟฟิคดีไซน์ เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หน้าตาหน้ารัก จัดว่าเกือบๆ สวยได้เลยทีเดียว และมีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นจริง ๆ ที่เป็นจุดขาย...สำหรับผมเธอจึงเป็นเพียง ผู้หญิงขายหน้า

แต่...ด้วยความเป็นคนช่างสังเกตและก็เคยโดนแหกตามาแล้วครั้งนึงมันจึงมีประสบการณ์ของการเรียนรู้ว่า...กริยาเด่น ของคนทำงานกราฟฟิค..มือต้องขยับเมาส์ มากกว่าสัมผัสแป้นคีบอร์ด หากวันไหนใช้คีบอร์ดมากกว่าเมาส์และเรายังสามารถมองโลกในแง่ดีได้ ก็อาจจะคิดได้ว่า...คน ๆ นี้กำลังศึกษาเรียนรู้โปรแกรม ไมโครซอร์ฟเวิร์ด อยู่ก็เป็นได้ ซึ่งในความเป็นจริงความเป็นไปได้น่าจะเป็นศูนย์...และถ้าจะให้เดาก็ไม่ยากเกินหากเครื่องนั้นสามารถเข้าอินเตอร์เนตได้...กริยาดังกล่าว สรุปได้ประการเดียวคือ การแอบแชทขณะทำงาน...และก็เป็นจริงดังคาด..วันนึงขณะที่ฝันไปเข้าห้องน้ำสัญชาติญาณความอยากรู้ ก็เข้าสิงสู่ในบัดดล...ผมตัดสินใจถือวิสาสะขณะที่โดนบางสิ่งครอบงำทำโดยควบคุมตัวเองไม่ได้...ไปที่หน้าจอคอมพ์ของเธอว่ามีอะไรอยู่ในหน้อจอบ้าง....เท่านั้นแหละ แล้วความรู้สึกแว๊บแรกก็วิ่งจี๊ดเข้ามาสะกิดเตือนต่อมความจำ...ว่าเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนกับครั้งก่อนที่เคยโดนลูกน้องเก่าแหกตา แหมมันช่างเหมือนกันจริง ๆ กราฟฟิคดีไซเนอร์ ทั้งสอง ถอดแบบกันมาเป๊ะ ๆ ...มันต่างกันแค่โปรแกรมแชทและต่างเพศกัน..ครั้งก่อนมันคือ แคมฟอกซ์ แต่ครั้งนี้มันเป็น เฟชบุ๊ค..และที่เหมือนที่กันจนทำให้ผมแปลกใจทำไมสองคนนี้ต้องมีโปรแกรมนี้ค้างไว้ที่หน้าจอไว้เพื่อตบตาหากใครเดินผ่านมาขณะที่กำลังแชท หรือว่ามันเป็นการถือเคล็ดเรื่องโชคลางกันการจับได้หรือเปล่าไม่อาจรู้ ก็ไอ้เจ้าโปรแกรมทำงานกราฟฟิค ที่เปิดไว้คู่กันเอาไว้ตบตา...มันคือ โปรแกรมโฟโต้ชอป...หรือที่ใครๆ เรียกกันว่า...โปรแกรมสร้างภาพ
แต่...เนื่องจาก ฝัน เป็นคนทำงานดี..ไม่เคยเหลวไหล สั่งงานอะไรไป ไม่เคยพลาด ส่งงานได้ตามกำหนดทุกครั้ง บางครั้งเสร็จก่อนจนน่าตกใจ คุณพระช่วย!!!นี่เราได้อัจฉริยะทางด้านกราฟิคดีไซน์มาร่วมงานหรืออย่างไรนี่ 5555 ผมคิดว่าหากเป็นหัวหน้าคนอื่นๆ อาจจะรับไม่ได้ที่โดนลูกน้องตัวแหกตากันขนาดนี้...แต่สำหรับผมไม่ได้คิดอะไรเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่เธอทำอยู่ มันไม่ได้มีอะไรที่ส่งผลเสียต่องานที่เธอทำ ผมมองที่ผลงานของเธอที่ทำออกมาเป็นหลักมากกว่า...ก็เราอยากได้งานจากเค้าเราก็ได้ เราไม่ได้อยากได้เวลาทั้งหมดของเค้าซะเมื่อไหร่กัน....มันจึงทำให้ผมลืมคิดเรื่องที่จะถือโทษโกรธเคืองไปเลย แต่ไอ้ที่สะกิดใจให้คิดต่อมันอยู่ตรงที่ ...เฟชบุ๊ค..มันมีดีอะไร ถึงทำให้ เพลินฝัน อยู่หน้าจอคอมพ์ได้เป็นวัน ๆ โดยไม่ลุกไปไหนเลย นี่ถ้าห้องกาแฟ ห้องน้ำโต๊ะกินข้าว อยู่รวมกันได้รอบ ๆ โต๊ะทำงาน เพลินฝัน คงได้ตามใจฝันกันเพลินสมใจ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผมเองก็พอรู้มาบ้างว่า โปรแกรมเฟชบุ๊ค กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ในหมู่วัยรุ่นสมัยนี้ และมีทีท่าว่า ความนิยมจะแรงแซงหน้าทุกๆ โปรแกรมแชท อื่นๆ ด้วยซ้ำไป แต่ก็ไม่เคยคิดจะไปศึกษาและไม่ได้สนใจอะไรมากมายเพราะไม่เคยคิดว่าตัวเองจะไปอยู่ในวังวนนี้....แต่วันนี้ ไม่ได้ซะแล้ว มันต้องรู้ให้ได้ ความอยากรู้ ตัวที่สองเข้าครอบงำสมทบมาอีกระลอกทันที...ว่าแล้วผมรีบเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน เข้าไปสอบถามอากู๋ ทันที...เพราะผมเชื่อว่าเรื่องนี้ อากู๋ คงให้คำตอบผมได้เป็นอย่างดีเพราะสำหรับผมแล้ว อากู๋ แกรู้ทุกเรื่องจริงๆ (อากู๋...ในที่นี้ผมหมายถึง Google Search Engine ที่ใคร ๆ รู้จักกัน) ถามไรแกตอบได้หมด...และผมคิดว่า แกน่าจะเป็นตัวการสำคัญ ที่ทำให้ อับดุลห์เอ๊ย สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย

ว่าแล้วต่อมสำนึกของตัวเองก็เริ่มทำงานในทันที..เพราะมีความล้าสมัยไม่อินเทรนด์เป็นแรงกดดันและมีความอัจฉริยะของ มิสเตอร์ มาร์ก ซักเกอร์ เบิร์ก เข้ามาเป็นแรงจูงใจ...ตัดสินใจในวินาทีนั้น เข้าสมัครเป็นสมาชิกทันทีและที่สำคัญ ผมอยากเข้าไปสืบราชการลับในเฟชของ เพลินฝันด้วยว่า...มันมีอะไรบ้าง จากนั้นผมก็ส่งคำร้องขอการเป็นเพื่อนไปที่ เพลินฝัน ทันทีโดยแอบใช้ชื่อปลอมที่สมัครโดยอีเมล์สำรองที่ไม่มีใครรู้...แล้วชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ การตอบรับสถานะการเป็นเพื่อนกับเพลินฝัน ก็ส่งกลับมาทันที...แสดงว่าเธอพร้อมเป็นเพื่อนกับทุกคนจริง ๆ ไงล่ะครับลูกน้องผม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น